ปวดหลังบ่อย กินยาแก้ปวดหลังไม่หาย แก้ยังไง รู้สาเหตุ อาการและวิธีรักษา
สารบัญเนื้อหา
ที่มาอาการปวดหลัง
อาการปวดหลัง เป็นอาการไม่สบายตัวที่อาจส่งผลต่อชีวิตของคุณได้หลายวิธี ตั้งแต่ทำให้นอนไม่หลับ สร้างความปวดร้าวเรื้อรัง เหนื่อยล้า ภาวะเจ็บปวดระยะยาวที่อาจส่งผลต่ออารมณ์ และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานน้อยลง โดยสาเหตุที่พบบ่อย เช่น นั่งหลังค่อมเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อขาดความสมดุล ความเครียด ไม่ออกกำลังกายเป็นเวลานาน ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
อาการปวดหลัง อาจทำให้ร่างกายทรุดโทรมและเจ็บปวดได้ด้วย เช่น การเดินหรือยกแขนอาจทำให้ยากขึ้น เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง เพราะจะมีอาการชา รู้สึกเสียวซ่า อ่อนแรง หรือรู้สึกแสบร้อนที่ขาและเท้า
และองค์การอนามัยโลกได้ออกมายืนยันว่า อาการปวดหลังเป็นสาเหตุสำคัญของความพิการทั่วโลก มักเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่
- การใช้ชีวิตอยู่ประจำ การเดินที่ศูนย์ถ่วงขาดความสมดุล
- น้ำหนักที่เกินมาตรฐาน หรือ โรคอ้วน
การใช้ยาแก้ปวดหลัง
ยาแก้ปวดหลัง มีหลายประเภทที่สามารถตอบสนองการใช้งานที่แตกต่างกัน จะขึ้นอยู่กับชนิดของอาการปวด ได้แก่
ยาแก้ปวด : ยาแก้ปวดสามารถช่วยรักษาอาการปวดเฉียบพลัน เช่น ปวดหลัง ปวดศีรษะ แต่จะไม่ได้ผลสำหรับกลุ่มที่อาการปวดหลังเรื้อรัง
ยาที่มีสารยับยั้งเส้นประสาท : ยาประเภทนี้จะทำงานโดยการปิดกั้นสัญญาณประสาทบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการปวด ใช้ได้ผลในเวลาระยะสั้น
ยาคลายกล้ามเนื้อ : ยาเหล่านี้จะทำงานโดยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดการอักเสบ ซึ่งช่วยรักษาอาการปวดเฉียบพลันและเรื้อรังได้
กลุ่มอาการปวดหลังเรื้อรัง
สำหรับผู้ที่อยู่ในสภาวะ ปวดหลังเรื้อรัง การรักษาด้วยการกินยาเพียงอย่างเดียว อาจไม่ได้ผล สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้สาเหตุและต้นตอของอาการ โดยการพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ตรงจุดและรับการรักษาที่รวดเร็วที่สุด
อาการปวดหลังเรื้อรัง เป็นปัญหาหลักที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน และมักจะกินเวลานานหลายเดือนหรือหลายปี อาการต่างๆ ได้แก่ ปวดเมื่อย ตึง และปวดเกร็งบริเวณหลังส่วนล่างและสะโพก ซึ่งยาที่ใช้บ่อยที่สุดคือ NSAIDs (ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์) มีประสิทธิภาพในการบรรเทาการอักเสบและความเจ็บปวดที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่ออ่อน เช่น กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เอ็น กระดูกอ่อน หรือข้อต่อ
