กินแคลเซียมยังไงให้ผล ? แนะนำ แคลเซียมจากธรรมชาติแบบไหนถึงจะดีต่อสุขภาพ ห่างไกลโรคเข่าเสื่อม

กินแคลเซียมยังไงให้ผล? แนะนำ แคลเซียมจากธรรมชาติแบบไหนถึงจะดีต่อสุขภาพ ห่างไกลโรคเข่าเสื่อม

สารบัญเนื้อหา

วิธีเลือกกินแคลเซียม

แคลเซียม เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง นอกจากป้องกันโรคกระดูกพรุนแล้ว แคลเซียมยังช่วยควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อและการส่งผ่านเส้นประสาท กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และรักษาจังหวะการเต้นของหัวใจ การขาดแคลเซียมสามารถนำไปสู่การสูญเสียมวลกระดูก โรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง ตะคริวหรือกล้ามเนื้อกระตุก หรือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของนิ่วในไตได้อีกด้วย

เลือกแคลเซียมแบบไหนดี ?

  1. ต้องดูดซึมง่าย ละลายน้ำได้ดี เช่น แคลเซียมที่เป็นอาหารเสริม ชนิดแคลเซียมซิเตรท ที่มักจะถูกนำมาเป็นอาหารเสริมที่แพร่หลาย เพราะดูดซึมเข้าร่างกายได้ง่าย ซึ่งปริมาณที่แนะนำคือ 600 – 800 มิลลิกรัม เพราะพบว่าดูดซึมได้ดีกว่า
  2. เป็นแคลเซียมที่มีส่วนผสมของวิตามินดี เพราะจะทำหน้าที่ในการช่วยดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งในการบำรุงกระดูกและฟัน

งาดำ แคลเซียมที่ดีจากธรรมชาติ

อยากบำรุงกระดูกให้แข็งแรงด้วย แคลเซียม จากธรรมชาติ คุณรู้ไหมว่า งาดำ 100 กรัม จะมีแคลเซียมอยู่ประมาณ 975 มิลลิกรัม เป็นปริมาณแคลเซียมที่สูงมาก แต่ปริมาณงาดำที่แนะนำต่อวันอยู่ที่วันละ 15 กรัม หรือ 1 ช้อนโต๊ะ ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว เพราะแม้ว่า งาดำจะอุดมไปด้วยแคลเซียมปริมาณมาก แต่ก็มีแคลอรีสูงมากเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีธาตุสังกะสี ถ้าบริโภคมากเกินไปก็อาจเป็นต้นเหตุของปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือดได้

ปัจจุบันจึงมีการนำงาดำมาสกัดผ่านกระบวนการความเย็น เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำมันงาดำบริสุทธิ์ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งดีต่อการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่มักมีปัญหาเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพของกระดูกตามวัยที่มากขึ้น

แร่ธาตุในงาดำ

  • แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นในการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และรักษาระบบประสาทให้แข็งแรง พบในอาหารหลายชนิด เช่น ซีเรียล ถั่ว ผลไม้ ผัก ผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อสัตว์ และอาหารทะเล
  • สังกะสี แร่ธาตุสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างและพัฒนาเซลล์เป็นเนื้อเยื่อใหม่ สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น โรคกระดูกพรุน เบาหวาน และคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งงาดำคือแหล่งสังกะสีชั้นดีที่ร่างกายต้องการ
  • วิตามินดี ทำหน้าที่หลักในการช่วยดูดซึมแคลเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • สารต้านอนุมูลอิสระ น้ำมันเมล็ดงาดำเป็นแหล่งที่ดีของสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ สามารถช่วยลดความเจ็บปวดและการอักเสบที่เกิดจากโรคข้อเข่าเสื่อมได้อีกด้วย
  • เซซามิน เพิ่มความจำและกระตุ้นการทำงานของสมองในผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์